Page 39 - ISSUE03
P. 39
๕
ศิลปกรรมอย่างจีน กับพระราชนิยมรัชกาลที่ ๓
ี
ั
ในรัชกาลท่ ๓ พระบาทสมเด็จพระน่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
ื
�
ั
ทรงพระราชดาริว่า เคร่องกระเบ้องอย่างดีท่ส่งเข้ามาจาก
ื
ี
ื
เมืองจีน เม่อมาถึงท่าเทียบเรือกรุงเทพ กุลีขนไม่ระมัดระวัง
ื
ื
เคร่องถ้วยกระเบ้องแตกเสียหายไม่ได้ใช้กองอยู่ตามท่าเทียบเรือ
ส�าเภาเสียเปล่า
ั
พระบาทสมเด็จพระน่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงใช้
เจ้าพนักงานไปเก็บเศษถ้วยชามมารวมไว้ แล้วทรงพระกรุณา
ื
โปรดเกล้า ให้ช่างจัดการเอาเศษชามเคร่องกระเบ้องแตกมาตัด
ื
เราะ กระเทาขอบริมตกแต่งให้เป็นรูปร่าง เลียนแบบกลบดอกไม้
ี
ใบไม้ ก้านดอก ก้านใบ แล้วติดประดับบน าผนังถือปูน โดยใช้
่
ปูนต�าเป็นเครองสมานชนกระเบองแตกเหล่านนให้กลายเป็น
ื
้
้
ื
ั
ิ
้
ลวดลายต่าง เกิดเป็นประณีตศิลป ท่ได้รับความนิยมมากในสมัย
ี
รัชกาลที่ ๓ และสืบเนื่องต่อมาจนถึงสมัยรัชกาลที่ ๕
ี
นอกจากการประดับลวดลายเครื่องกระเบื้องถ้วยด้วยวิ ี ท่มา .
ี
น้แล้ว พระบาทสมเด็จพระน่งเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงพระกรุณา
ั
โปรดเกล้า ให้เขียนลวดลายตามแบบท่ต้องการข้นให้มีขนาด
ึ
ี
เท่าของจริงท่จะนาไปตกแต่ง แล้วจัดการปั นลวดลายแต่ละตัว
ี
�
ี
ื
�
ด้วยดินขนาดเท่าแบบท่เขียนร่าง เม่อปั นลายเสร็จจึงนาไปเคลือบ
น�้ายาสีต่าง แล้วเผาให้สุก จึงน�าไปประดับบนผนังตามแบบ
กระบวนลายที่ออกแบบไว้แต่แรก
ื
ื
การประดับสถาปัตยกรรมด้วยลวดลายเคร่องกระเบ้องน ี ้
�
ตอนต้นรัชกาลท่ ๓ ต้องส่งแบบไปให้ช่างจีนทาเข้ามาจากเมืองจีน
ี
ี
่
ท�าให้มีค่าใช้จายสูงและเสยเวลาเดินทาง ต่อมาจึงทรงพระกรุณา
โปรดเกล้า ให้ตงโรงปั นและเผาเคร่องกระเบองขนเพอผลิต
่
ื
ึ
้
ั
ื
้
ื
้
กระเบ้องให้พอกับความต้องการในการสร้างและป ิสังขรณ์
ื
พระอารามในสมัยนั้น
ี
ท่มา . . . เคร่องถ้วยจีนท่พบจากการขุดค้นทางโบราณคดีบริเวณมหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ
ื
ี